วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แผนการสอน Information Theory

204552 Information Theory and Coding

Prerequisite

None

Schedule

Tuesday 13-16; Section 11 (Room 501)

Instructors

Associate Professor Dr.Punpiti Piamsa-nga (pp@ku.ac.th)

Course Description

Mathematical model for information channel and sources, algebraic theory of cyclic codes, error-control procedures and circuits, and application of computer and data transmission systems.

Grading

Midterm (40  %)  Final (50 %)  Class participation (10%)

 

Score<40
F
40< Score49
D
50< Score54
D+
55< Score64
C
65< Score69
C+
70< Score74
B
75< Score79
B+
Score > 80
A

Textbook

Thomas M. Cover, Joy A. Thomas, Elements of Information Theory, 2nd Edition ISBN: 978-0-471-24195-9, 776 pages July 2006, ©2006

(Required)
Escolano Ruiz, Francisco, Suau Pérez, Pablo, Bonev, Boyán Ivanov, Information Theory in Computer Vision and Pattern Recognition 2nd Printing., 2009, XVIII, 394 p.  ISBN: 978-1-84882-296-2

Readings

Research papers distributed in class

 

Schedule

#
Date
Lectures
1
Nov 2
Entropy, Relative Entropy, and Mutual Information
2
Nov 9
Asymptotic Equipartition Property
3
Nov 16
Entropy Rates of a Stochastic Process
4
Nov 23
Data Compression
5
Nov 30
Gambling and Data Compression
6
Dec 7
Channel Capacity
7
Dec 14
Differential Entropy

Dec 21
Midterm
8
Dec28
Gaussian Channel
9
Jan 4
Rate Distortion Theory
10
Jan 11
Information Theory and Statistics
11
Jan 25
Maximum Entropy
12
Feb 1
Universal Source Coding (Kaset Fair Week)
13
Feb 8
Kolmogorov Complexity
14
Feb 15
Network Information Theory
15
Feb 22
Information Theory and Portfolio Theory

วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Final Exam: Computer Human Interfaces 1/2010 (CPE)


Instructions
  • Write your answer in either Thai or English.
  • Closed book!
  • Closed note!
  • There are 8 questions. Each has 10 scores. Answer all questions in given exam booklets. Do them all. (totally, 40% of the class evaluation)

Guidelines for answering the questions

  • You obviously need your common senses to answer the exam.  However, even though you have a good one, it is not enough to get scores.
  • References, evidences, causes, rules, laws, theories, and your justifications are supposed to be mentioned. 
  • Any design scripts without good explanation will not get good scores.
  • You should include an example as part of your answer in an appropriate application of your choice (if not specified).
  • Read the question carefully!

Exam


  1. Information search is one of the most important parts of websites. Explain the general framework of the search mechanism. 
  2. How can we search information of multimedia documents?  What are the challenges?
  3. What parts of DBMS play an important role in information search?  And, what parts they cannot do?
  4. What are the challenges for information visualization?
  5. Supposedly, you are an academic adviser of KU.  You have to supervise many students who may take different courses, get different grades, and stay in different statuses (normal, probation, retried, possibly honors, graduated, graduated with honor).  Design information visualization system in order to ease the supervising task for you (as an adviser.)
  6. If you have to design a cell phone, explain the impact of response time to the design of user interface and the satisfaction of users’.
  7. Design a job resume for yourself in order to get a position of a computer engineer.  Make a good field layout and write excellent resume content.  Explain what your future boss will think about your resume. You can put false (looks likely to be true) information in order to make your resume look very attractive but you have to underline it.
  8. In class, you have experience in mocking up your only own design (such as keyboard) and building only familiar scenarios (such as university registration).  If you are an engineer who is assigned to design a user-interface of an information system that you have never had experiences before, what you would make your own project is successfully done and how you would assess the project results.  

-END -

วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

วืด 3G ไม่ว่าแต่ อย่าให้พลาดอันนี้นะ

ผมไม่ค่อยสบายใจกับการที่ 3G ถูกดองเค็มปี๋ เห็นคนเสียดายกันยกใหญ่ และเผอิญดูรายการกบนอกกะลาซึ่ง นำเสนอความจำเป็น "เทียม" ของ 3G แล้วรู้สึกไม่สบายใจมากกว่าเดิม เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นรายการสปอนเซอร์ หรือ เป็นสารคดีจริง ผมรู้สึกถึงการสร้าง demand เทียมของ 3G ให้สังคมครับ เนื่องจากรายการพูดถึง

  1. application ส่วนใหญ่ ที่พูดถึงในรายการ ไม่ต้องมี 3G ก็ใช้งานได้ อยู่แล้ว
  2. พฤติกรรมการใช้ text ของไทยกะญี่ปุ่นต่างกัน 
    • ญี่ปุ่นห้ามใช้โทรศัพท์พูดระหว่างอยู่บนรถไฟ
    • ถามคนญี่ปุ่นโทรศัพท์ 3G ที่มีข้อมูลส่วนตัวหายแล้วทำไง คนญีปุ่นตอบว่ามันมี GPS ตามได้ว่าอยู่ที่ไหน ในคนไทยคงต้องการคำตอบว่าสิทธิส่วนบุคคลจะถูกละเมิดหรือไม่ซึ่งคนญี่ปุ่นเขาไม่มีปัญหานี้เพราะเขาคิดว่ามันไม่เกิดกะเขา 
ทีนี้ ทำไมเราถึงอยากมี 3G ก็คงเป็นเพราะคุณต้องการแบนด์วิท 7 Mbit เป็นหลักแหละ แต่ว่า
  1. เราคิดว่าจะมี apps อะไรต่างจากปัจจุบันมากมาย ปัจจุบันเราอยู่มหาวิทยาลัยใช้ wifi 54Mbit เราก็ไม่มี app อะไรพิสดารให้ใช้จากความเร็วของ wifi มากนัก
  2. การที่เรามีช้ากว่าคนอื่น ก็น่าจะไปลองดูนะว่าผ่านมาสามปีแล้วคนอื่นมีอะไร ใช่ครับ ไปญี่ปุ่นคุณเห็น apps ใหม่ๆเพียบ แล้วที่อื่นในโลกหละทำอะไรกันกะ 3G เช่นที่อเมริกา 
  3. นึกดูดีดีมี app อะไรที่คุณโหลดมาใช้บน iPhone หรือ Android ของคุณแล้วมันจำเป็นต้องใช้ 3G อย่างมากสุดๆ ผมเห็นอย่างหนึ่งที่จำเป็นต้องใช้ 3G คือ navigation/map คุณลองดูแล้วกันนะว่าคุณใช้ wifi โหลดผ่าน Google map แล้วมันเร็วแค่ไหนก็เห็นๆกันอยู่ ซึ่งนั่นก็คือ ทำไม พวก navi ทั้งหลายต้องโหลดแผนที่ off-line ไว้ก่อน
  4. คุณจะโหลดหนัง HD มาดูบนมือถือหรือครับ
  5. แน่นอน 7 Mbit โหลด youtube 15 นาทีดูได้ ถามว่าคุณโหลด youtube ผ่าน wifi ที่มหาลัย แล้วมันดูได้ต่อเนื่องไม๊ 
  6. โอเค โหลด mp3 ขนาด 4-5Mได้สะดวก คำถามก็คือคุณต้องการจริงเหรอ ในมือถือคุณมีเพลงกี่เพลงแล้วครับ ผมเดาว่า เพลงในเครื่องคุณมีเป็นหมื่นเพลง ฟังทั้งปีก็ฟังไม่หมด 
  7. คุณอาจมีหนังเป็นหมื่นเรื่องเพิ่มเติมในมือถือคุณ ซึ่งก็คงจะไม่ได้ดู ซึ่งประเด็นนี้คุณทำ offline sync ซะมากกว่า
ใครได้/เสียประโยชน์ในการมีหรือไม่มี 3G
  1. แน่นอน ผู้บริโภคเสียประโยชน์แน่ครับ และยิ่งถ้าหากไม่มีการแข่งขันเสรียิ่งไปกันใหญ่ 
  2. เมื่อต้องมี 3G บริษัทต้องลงเงินลงทุนเพิ่มเยอะมาก แต่บริษัทก็ต้องพร้อมลงทุนเพิ่มเพราะไม่อยากเสียโอกาสทางธุรกิจ แต่ถามว่า เขาจะคิดค่าบริการมากกว่าเดิมได้มากเท่าไรเชียวครับเพื่อครอบคลุมการลงทุนใหม่ครั้งนี้ แรกๆอาจจะได้ เหมือนตอนมีมือถือขายกันใหม่ ใช้กันเดือนหละเท่าไรกันหละครับ จำกันได้ไม๊ แล้วดูสิครับเมื่อเข้าถึง mass แล้วราคาเท่าไรครับ ผมเดาว่าค่าบริการ 3G ในระยะที่ stable แล้วก็จะไม่ต่างจาก gprs ในปัจจุบันและ จะไม่มีทางแพงกว่า Home ADSL ในขณะนั้นครับ 
  3. สำหรับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจนี้ ผมว่าลึกๆเขาก็สบายใจระดับหนึ่ง ที่ถูกปิดสนามแข่ง อย่างน้อยเงินลงทุนก็เอาไปทำอื่นก่อนได้ โดยไม่ต้องห่วงว่าจะตามใครไม่ทันหรือแซงในการแข่งขันสนามประเทศไทย
  4. ถ้าไม่มี 3G คนขาย 3G infrastructure คงเซ็งเพราะ ขายของล๊อตใหญ่ครั้งสุดท้ายคือขายระบบ GSM เมื่อกี่ปีมาแล้วหว่า เครื่องก็ดันยังไม่เจ๊ง คนใช้ก็ยัง happy ที่จะใช้ เลยสร้างความต้องการผู้บริโภคโดยการเสนอ apps ใหม่ๆให้เรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มี apps แบบ โดนใจไม่ใช้ตายแน่ สักอย่างเดียวครับ
พูดไป ผมมองโลกแง่ร้ายจัง ผมบอกว่าผมมองจากประวัติศาสตร์การก้าวข้ามเทคโนโลยีครับ ผมเปรียบเทียบให้อย่างนี้นะครับ
  • การมี 2G (GSM/CDMA) มันก็เหมือนการกระโดดจาก โมเด็ม 54K มาเป็น LAN 10Mbit/100Mbit แหละครับ คุณจะรู้สึกดีมากๆกับมัน เพราะมันทะลุขีดจำกัดบางอย่าง อย่างเห็นได้ชัดครับ แรกๆใช้ 10M แล้วสักพักก็มีการเปลี่ยนมาเป็น 100M ซึ่งผมคิดว่าช่วงนั้นการเปลี่ยนความเร็วขึ้น 10 เท่าก็ไม่ทำให้ชีวิตคุณดีกว่าเดิมมากมายอะไร
  • แต่การกระโดดจาก 2G เป็น 3G มันก็เหมือนกับคุณมี LAN 100M อยู่แล้วมีคนบอกว่าคุณจะเสียโอกาสอย่างมากถ้าคุณไม่ปรับเป็น LAN 1GB ก็คิดดูเอาว่าคุณได้อะไรเพิ่มเติม
  • มีคนบอกผมว่า คุณจะได้โอกาสที่จะได้ app ดีๆเพิ่มขึ้นครับ จริงครับ แต่ผมอัพ LAN เป็น 1G แล้วผมก็ยังดู youtube กระตุกเหมือนเดิม เพราะ public infrastructure มันไม่ได้อัพเกรดตามมานี่ครับ มันต่างกันกับตอนใช้โมเด็มครับ ตอนนั้นดู youtube ไม่ได้เลย
  • จากเรื่อง เปลี่ยนโมเด็ม มาเป็น LAN ผมก็เลยมีทฤษฎีส่วนตัวครับว่า การจะเกิด breakthrough ทาง app ในโทรศัพท์ได้ ความเร็วเน็ตเพิ่ม 10 เท่าเนี่ยมันเรื่องปรกติมากๆครับ ถ้าจะทะลุ ต้อง 200 เท่าครับ ซึ่งเผอิญมันดูเยอะเพราะเป็น log scale ซึ่งมันก็แปลเป็น "G" แล้วกันครับว่า ต้องเพิ่ม 2.3G ถึงจะ breakthrough
แม้ว่าการที่ 3G ถูกล้มประมูลไปแบบนี้ มันสะท้อนความไม่เข้าท่าของระบบบริหารไทย เราจะมีหรือไม่มีเอกชนก็ลงทุนไป ผู้บริโภคก็ใช้วิจารณญาณกันไป ความไม่เข้าท่าของ องค์กรประเทศ CAT และ TOT จะอยู่ได้หรือไม่ได้ ก็ต้องปล่อยๆกันไปตามกระแสโลก  เบื่อที่จะบ่น เซ็งที่จะฟัง

แต่ผมฟันธงว่าพวกเราไม่เดือดร้อนอะไรมากหรอกกับการไม่มี 3G วันนี้ครับ

/* แต่อย่าให้พลาด "4.3G" แล้วกัน ไม่งั้นบรรลัยแน่นอน */ 

วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Pigeon: Impossible

แรงบันดาลใจ เผื่อใครอยากทำหนังสั้น

ตอนที่ ๑



ตอนที่ ๒ Writing is Rewriting

ถ้าดูตอนแรกแล้ว ควรจะมาดูตอนสอง จะได้เห็นแรงบันดาลใจของผู้สร้าง ไม่ว่าเรื่องจินตนาการ ความมุ่งมั่นในการทำให้ถึงเป้าหมาย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จครับ

SKEEK: eyeFeel (Imagine Cup 2010 Champion)

ตอนนี้คนเสนอได้เป็น หกทีมสุดท้ายก่อนตัดสิน Imagine Cup 2010 ที่โปแลนด์นะครับ

ดูวิธีการนำเสนอ ของทีมนิสิต SKE เผื่อมีจินตนาการว่าทำอย่างไรเขาถึงได้รางวัลกัน

Get Microsoft Silverlight

TOTO ฝาชักโครก แบบแยกขาย

ใช้มาสวมของเก่าได้ครับ ซึ่งอันนี้เป็น Interface ล้วนๆ ราคาราวสองหมื่นกว่า เมืองไทยไม่เห็นขายนะครับ

TOTO Washlet

เขาโฆษณานะครับ มีขายจริงด้วยนะ ดูตามร้านในเมืองไทยก็มีขาย ตัวแสนกว่าบาทเอง

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Direct Manipulation Interface Example : Google Earth

การใช้งาน Google Earth ซึ่ง การเปลี่ยนตำแหน่งหรือการซูมเข้าออกของพิกัดของแผนที่ที่เราต้องการดูบนจอภาพ

Circular Dock for Windows


ตัวอย่างของการใช้เมนูที่เป็นวงกลมในลักษณะเดียวกับ Dock

ข้อดีคือ

  • ใช้ลูกกลิ้งของเมาส์แทน ไม่ต้องขยับตัวเมาส์ 
  • การเข้าถึงใช้ระยะทางสั้นกว่าเพราะเป็นวงกลม
ข้อเสีย
  • กินพื้นที่จอภาพ ทับซ้อนกับส่วนอื่นของจอ (Dock ของ Mac OS X อยู่ด้านล่าง)

ส้วม

วันก่อนเล็คเชอร์เรื่องส้วม เลยหามาให้ดูครับ

  • ผนังฝ้าอัตโนมัติ (YT)
  • โถส้วมของ TOTO (YT: 1 2)
  • TOTO เหมือนกัน แต่อันนี้แค่ฝา ขายแยกมาประกอบกับของเก่าได้ (YT)

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

MADLAB: เกมที่ใช้แนวคิด Direct Manipulation

  • โดเรมอน


  • Slide Board


  • Digital Glove



  • MADLAB SwordEdge Game (NSC Champion)



  • LiveBook (Imagine Cup Champion)

ผลิตภัณฑ์และต้นแบบ อุปกรณ์ที่เน้นการเชื่อมต่อกับมนุษย์

  • Sketchpad (YT)
  • MIT Sketching (YT)
  • Smartboard (YT)
  • Apple Lisa (YT)
  • Apple Newton (YT)
  • The first computer mouse (YT)
  • Microsoft Surface (YT)
  • Nintendo WII (YT)
  • Amazon Kindle (YT)
  • Sony E-Book Reader (YT)
  • Apple iPad (YT)

Direct Manipulation Interface

Direct Manipulation Interface (DMI) เป็นการควบคุมระบบโดยผลตอบสนองจะเหมือนกระทำกับของจริงมากที่สุด ตัวอย่างเช่น

  • การใช้งาน Google Earth ซึ่ง การเปลี่ยนตำแหน่งหรือการซูมเข้าออกของพิกัดของแผนที่ที่เราต้องการดูบนจอภาพ (YT)
  • การใช้ multi touch interface (YT)
  • Video Control (YT)
  • CAD Design (YT)
ถ้าอยากจะลองใช้ซอฟต์แวร์ ก็ลองไปที่ DimP ซึ่งจะมีโปรแกรมพร้อมวีดีโอตัวอย่างให้ไปโหลดเล่น โดยการนำเสนอของเขาดู (YT)

ถ้าสนใจแนวคิดเจ๋งที่น่าสนใจ ลองดูได้ สองอันนี้ครับ





)  

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Universal Principles of Design

ผมซื้อหนังสือเล่มนี้มาจาก Asia Book ที่เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะครับ (คงมีเล่มเดียวบนแผงเขาแหละ) หนังสือมีชื่อว่า Universal Principles of Design (อ่านบางหน้าจาก amazon.com หรืออ่านเล่มเก่าได้ที่ Google Book) เขียนโดย William Lidwell, Kritina Holden, and Jill Butler 




ผมซื้อมา ๙๕๐ บาท แต่บน amazon ขายแค่ USD 30 เอง หนังสือเล่มนี้ ผมใช้เป็นหนังสืออ่านประกอบในวิชา Computer Human Interfaces นะครับ 

แนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการ แรงบันดาลใจ ในการออกแบบ

วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

HCI - บรรยายครั้งแรก

วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๓

วันแรกของการเปิดภาคต้น ปี ๒๕๕๓ มีการบรรยายที่ห้อง ๕๐๗ คนเรียนล้นห้องอย่างน่าตกใจ เพราะไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องสอน วิชานี้ด้วยคนเรียนเยอะขนาดนี้ จะสอนได้หรือไม่ ก็ไม่ค่อยแน่ใจ

บรรยายไปก็ไม่มีอะไรมาก

อย่างแรกพูดถึงว่าเนื้อหาวิชานี้ไม่มีอะไร นิสิตก็ขำๆ เลยถามว่าเทอมที่แล้วเรียนอะไรมาบ้าง คำตอบอันนึงก็คือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งนิสิตก็บอกว่าเรียนอะไรมาเพียบ เลยตั้งคำถามง่ายๆว่า ให้บอกว่าเรียนอะไรมาบ้างมาสักสามประโยค เวลาผ่านไปสักพัก ก็ตอบได้แค่ประโยคเดียว คือ "การศึกษาการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์" ไม่ได้สามประโยคตามที่ต้องการ อยากรู้จังคนสอนจะรู้สึกอย่างไร

จากนั้น ก็เลยถามนิสิตว่าไหนว่าเรียนอะไรมาเยอะแยะ แต่ถ้าให้อธิบายสามประโยคทำไมมันยากนักหนา จึงอธิบายต่ออีกนิดว่า เนื้อหาวิชาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งหมด อาจจะโฟกัสได้ที่จุดเดียวคือ ชื่อวิชา การขยายต่อเป็นสามประโยคก็คือการย้ายจุดโฟกัสออกไปอีกที่นึง เราควรจะปรับโฟกัสซึ่งหมายถึง จัดระดับความสำคัญตามเงื่อนไขที่กำหนดให้ ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวคิดวิศวกรรม

พูดไปก็นอกเรื่องไม่ได้ใช้สไลด์เลย เนื่องจากใกล้เที่ยง นึกถึงโรงอาหารคณะวิศวะขึ้นมา ซึ่งโรงอาหารใหม่เปิดใช้วันแรก เลยให้คาดเดารูปแบบการดำเนินการ ซึ่งก็สรุปว่านั่นแหละคือ การเชื่อมต่อโรงอาหารกับผู้ใช้ โดยให้นึกถึงโรงอาหารนอกจากที่เห็น ก็ยังมีโรงอาหารตามห้าง ให้จินตนาการต่อว่าทำไมขายด้วยเงินสดบางที่ และใช่คูปองบางที่ แล้วก็สรุปว่า การใช้เงินสดของคณะก็ง่ายดี คณะได้ตังค์เลย ไม่ต้องคิดมาก ส่วนการใช้คูปองจะทำให้มีการจัดการได้ว่าร้านไหนขายไม่ดี ก็ออกไปเหอะ

ตัวอย่างถัดไป คือ ไอโฟน กะ ไอพอด ซึ่งจะบอกว่าเทคโนโลยีที่ใช้ผลิตส่วนใหญ่ วิศวกรมืออาชีพก็รู้จักเทคโนโลยีเหล่านั้นทั้งสิ้น แต่คนที่เข้าใจเลือก ก็ทำให้ทุกคนที่เคยผลิตมาก่อนกลับมาเป็นผู้ตาม

อืม รู้สึกตัวอย่างเยอะ พูดต่อถึง file manager ของ Windows 7 ที่ใครๆชื่นชอบ คำถามง่ายๆ (อีกแล้ว) ก็คือ คุณจะทำอะไรให้ดีกว่าที่ Microsoft ทำมาได้ไม๊ ก็มีคนตอบว่าได้บ้างไม่ได้บ้างมา ตามเรื่อง ก็มีคำถามต่อเนื่องว่า ถ้าคุณไม่รู้ปรับปรุงอะไร แล้วคุณคิดว่าที่เขาเอามาขายนั้นสมบูรณ์แบบแล้วหรือยัง แน่นอนตอบว่ายัง และมีคนวิจารณ์กันอีกเยอะว่าอยากทำโน่นนี่เพิ่ม ซึ่งก็ชี้ให้เห็นว่า เรายังมีช่องในการออกแบบให้ดีกว่าของที่มีอยู่

ตัวอย่างต่อไป ก็คือ Linux 10.0.4  ที่บ่นกันทั้งเมืองในการย้ายปุ่ม Max Min จากตรงมุมบนขวา ไปไว้มุมบนซ้าย หลายคนบอกว่าอันนี้เป็น วิทยาการเลียนแบบ MacOS แต่ผมคาดว่ามันเป็นเพราะ Ubuntu ยังมีความลับอะไรที่ยังไม่อยากบอก เพราะการเปลี่ยนแบบนี้มันดูเหมือนเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่า แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามก็คงบอกได้ว่า คนถนัดขวาคงไม่ชอบหรอก เพราะย้ายมือไกลกว่า และคนที่ชินกะอะไรอย่างหนึ่งไปแล้วก็คงไม่ชอบเปลี่ยนแปลงในเรื่องที่ไม่มีสาระแบบนี้

ซึ่งนึกถึง qwerty ที่ออกแบบผังแป้นพิมพ์ที่ลดให้ความเร็วในการพิมพ์ลดลงจังเลย

ต่อจากนั้นอีกนิด ก็เล่าถึง blog นี้แหละ โดยบอกนิสิตว่าจะใส่สาระลงใน blog  แทน แล้วก็เล่าถึงแผนการสอน การให้คะแนน การตัดเกรด

สุดท้ายเล่าเรื่องข้อสอบเก่า เพื่อชี้ให้เห็นว่า เราอยากได้อะไร เรียนอะไรกันในเทอมนี้

และขำๆ เตรียมคอมพ์ไว้เพื่อฉายจอภาพ ปรากฏว่าพล่ามจนหมดเวลา ใช้สไลด์ไปแค่ ๔-๕ แผ่นเองมั้ง

จบวันแรก

Computer Human Interfaces: แผนการสอน

วิชานี้ สอนที่ม.เกษตรศาสตร์ ด้วยรหัส ๒๐๔๔๘๒ โดยเป็นวิชาบังคับของหลักสูตร วิศวกรรมซอฟต์แวร์และความรู้ และเป็นวิชาเลือกของหลักสูตรวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ เปิดสอนมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ โดย ผมเป็นผู้สอนครับ

ประวัติของวิชานี้ ที่จำได้ก็คืออยู่ในหลักสูตรมาเกือบ ๒๐ ปี แต่ไม่เคยมีการเปิดสอน อันเนื่องเหตุผลต่างๆนาๆ ส่วนผมเองก็ไม่เคยสนใจจะสอนเลยครับจนมาวันนึงมีคนถามผมว่า Apple ทำไมถึงขาย iPod และ iPhone ได้ มันมีอะไรใหม่กว่า คนที่ทำ mp3 player หรือ cell phone มาก่อนหน้าตั้งหลายปีได้ มันเกี่ยวอะไรกับเทคโนโลยีหรือป่าว แม้คำตอบก็พอมีเกี่ยวกับเทคโนโลยีอยู่บ้าง แต่ถ้าถามคนโน้นคนนี้ คนที่สนใจ Apple มันเกี่ยวกับการออกแบบล้วนๆ ... ใครๆก็ว่างั้น

มันก็เป็นคำถาม ว่า ถ้านิสิตเกษตรของเราจะออกแบบได้ เราขาดความรู้อะไรเกี่ยวกับเทคโนโลยีเหล่านั้น คำตอบกว้างๆคือ เทคโนโลยีไม่ขาด แต่ขาดแนวคิดที่จะออกแบบคอมพิวเตอร์ให้ดี ... เท่านั้นแหละครับ

มันก็เป็๋นคำถามตรงประเด็นจากนิสิตว่า แล้ววิชานี้มีพื้นฐานอะไรยังไง คำถามอะไรก็ตาม sense หรือป่าว ผมก็มักมีคำตอบมาตรฐานก็คือ ... sense มีความสำคัญ แต่ถ้าไม่มีหลักการสนับสนุน

วิชานี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ แนวทาง (guide line) เป็นส่วนใหญ่ ทฤษฎี (theory) กรอบปฏิบัติ (framework) ก็มีอยู่บ้าง นั่นก็แปลว่า สิ่งที่พูดไม่ใช่สิ่งที่ถึงกะต้องยึดเป็นสรณะ ไม่รู้ไม่ได้ตายแน่ หรืออะไรที่จำเป็นขนาดนั้น แต่ที่สำคัญที่สุดและเป็นเป้าหมายของวิชานี้ คือ การจินตนาการมุมมองของผู้ใช้โดยผู้ออกแบบเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีที่เป็นไปได้ 

ผมเอาข้อสอบเทอมเก่าๆมาให้ดูเป็นตัวอย่างสักนิดแล้วกัน
  1. ในการโปรแกรมเพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ เราสามารถใช้ภาษาโปรแกรมได้หลากหลาย เช่น C C++ JAVA และ C# ฯลฯ และเรายังเห็นได้อีกว่า เรามีเครื่องมือที่ใช้กันอย่างหลากหลายเช่น ใช้ IDE ที่แตกต่างกัน เช่น eclipse netbeans, visual studio ฯลฯ หรือในบางครั้งพบว่าใช้เพียง editor พื้นฐานเท่านั้น เช่น vi หรือ notepad ฯลฯ หรือในบางครั้งเราอาจเห็นการเขียนโปรแกรมที่ใช้ภาพเป็นองค์ประกอบ (visual programming) ในการสร้างความเข้าใจ เช่น Logo, basic stamp หรือ UML ฯลฯ จงอธิบายว่าเหตุใดผู้คนจึงใช้เครื่องมือที่แตกต่างกันในการทำเรื่องๆเดียวกัน
  2. เมื่อหลายปีก่อน บ.ยักษ์ใหญ่ทางคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่ง มีปัญหาทางกฎหมายกับประเทศในยุโรปในเรื่องของการผูกขาดและกีดกันทางการค้า เนื่องจาก ระบบ OS ของบริษัทนี้ ได้รวม web browser และ media player มาพร้อมการติดตั้ง OS นั้น ซึ่งข้อกล่าวหาคือทำให้บริษัทที่พัฒนา web browser และ media player เพียงอย่างเดียว ในเชิงเศรษฐศาสตร์ เป็นการกีดกันทางการค้าเพราะไม่มีใครสามารถขายผลิตภัณฑ์ของตนได้เลยเพราะแข่งขันกับของฟรีซึ่งถือว่าเป็นการทุ่มตลาด จงให้เหตุผลในเชิงของ HCI ว่ากรณีนี้การกีดกันทางค้าอย่างไร และในทำนองเดียวกัน บริษัทแห่งนี้ได้พ่วงโปรแกรม Instant messing มาด้วยแต่ไม่ถูกฟ้องว่ากีดกันทางการค้า และในทำนองเดียวกัน จงให้เหตุผลในเชิงของ HCI ว่ากรณีนี้ไม่เป็รการกีดกันทางค้าอย่างไร
  3. ในการควบคุมเครื่องจักรเช่น รถยนต์ หรือ เครื่องบิน จะมีอุปกรณ์เฉพาะในการควบคุม แต่เราพบว่าในการเล่นวีดีโอเกม ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งรถ หรือ เครื่องบิน เราสามารถใช้ joystick ควบคุมได้ จงให้เหตุผลว่าเราสามารถ บังคับ รถยนต์ หรือ เครื่องบิน จริงๆ ด้วย joystick ได้หรือไม่
  4. อะไรคือปัญหาที่สำคัญอันเป็นที่มาของการศึกษาและวิจัยด้าน Human Computer Interaction
  5. มหาวิทยาลัยมีแนวคิดที่จะให้นิสิตใหม่ป้อนข้อมูลที่ถูกต้องด้วยตนเองก่อนเข้ามอบตัวกับทางมหาวิทยาลัย จึงต้องการออกแบบระบบเก็บข้อมูลที่จะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบที่กรอกมากับเอกสารต้นฉบับได้สะดวก จงออกแบบจอภาพเว็บ เพื่อเก็บประวัติส่วนตัวของนิสิต ซึ่งประกอบด้วยข้อมูล เลขประจำตัวประชาชน, ชื่อ, นามสกุล, อายุ, ที่อยู่ซึ่งประกอบด้วย บ้านเลขที่ ตำบล อำเภอ จังหวัด และ รหัสไปรษณีย์, วันเดือนปีเกิด, ชื่อ นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน และที่อยู่ของผู้ปกครอง, ภาพหน้าตรงนิสิต, ภาพบัตรประชาชน, ภาพทะเบียนบ้าน และจงออกแบบหน้าจอเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง คุณสามารถอธิบายกระบวนการเพิ่มเติมนอกจากนี้ได้ถ้าจำเป็น
  6. เนื่องจาก การใช้คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันการใช้ interface แบบต่างๆอาจจะง่ายดีอยู่ แต่เนื่องจากเหตุผลมากมาย คุณเลยได้รับมอบหมายให้ออกแบบ ชุดคำสั่งพิเศษในลักษณะ command line เพื่อใช้ในการลงทะเบียน เพิ่มวิชา ถอนวิชา และ ดูคะแนนทั้งหมดหรือเฉพาะวิชาที่ต้องการ และแน่นอนว่าต้องเป็นคำสั่งภาษาไทย
  7. จงวิจารณ์เชิงเปรียบเทียบ เพื่อจำแนกประเภทการใช้งานออกจากกันได้อย่างชัดเจน ระหว่าง email, twitter, instant messaging, webboard และ blog

การเรียนการสอนในวิชานี้ เน้นการออกแบบ การบ้าน การนำเสนอ การวิจารณ์ จะเป็นจุดหลักของการเรียน ตำรามีผลในเรื่องการเพิ่มประสบการณ์และแนวทางที่เป็นทางการที่จำเป็นอย่างยิ่งในการใช้ประกอบการเรียน ผมใช้หนังสือชื่อ "Designing the User Interface: Strategies for Effective Human-Computer Interaction (5th Edition)" เขียนโดย Ben Shneiderman, Catherine Plaisant, Maxine Cohen, Steven Jacobs

ปกเป็นอย่างนี้ครับ 

สไลด์: ใช้ของหนังสือ เป็นหลัก ผมจะแทรกบ้างตามโอกาส
การให้คะแนน: กลางภาค ๔๐ ปลายภาค ๔๐ การนำเสนอในชั้นเรียน ๒๐
เกรด: ๕๐ ผ่าน เกินกว่านั้น พิจารณาจากการกระจายของคะแนน
ห้องเรียน: ๕๐๗

FAQ
  • ทำไมรับแค่ ๔๐ คน : ก็อยากสอนหมดทุกคนนะครับ แต่วิชานี้เป็นวิชาเน้นการคุยกันในห้องครับ รับหมด คุณก็ไม่ได้อย่างที่ควรเป็นอยู่ดีครับ
  • ปี ๓ ลงได้ไม๊ : ก็เก้าอี้เต็มครับ ปีหน้าผมเปิดให้อยู่ดี